อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาอยุธยา

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาอยุธยา

 

กรุงศรีอยุธยา เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยที่มีอายุยาวนานถึง 417 ปี เป็นแหล่งศิลปะวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชนชาติไทย ได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2534 โบราณสถานต่างๆ ที่ปรากฎในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ล้วนเป็นหลักฐานทางอารยธรรม ซึ่งแสดงถึงระยะเวลาอันสงบสุข และเป็นปึกแผ่นที่ยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ อำนาจทางการเมืองอันมั่นคงและซับซ้อน ความมั่นคงทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านและประเทสทางตะวันตก อาทิ ปอร์ตุเกส ฮดลันดา อังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส เป็นประจักษ์พยานถึงความรุ่งเรือง และมั่งคั่งของอาณาจักรอยุธยา ได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียนและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในเรื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสวยงาม โดดเด่น

 

ประวัติ

ซากปรักหักพังในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ที่เห็นในปัจจุบันนี้ ได้รับการก่อตั้งโดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่1หรือพระเจ้าอู่ทอง ในปีพ.ศ. 1983 ในช่วงเวลานั้นเมืองอยุธยาเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย มีอายุยาวนานถึง 417 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครอง 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ จนถึงปี พ.ศ.2112 เสียกรุงให้กับพม่า ซึ่งต่อมากรมศิลปากรเป็นหน่วยงานสำคัญ ในการดำเนินการ จนองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก้ มีมติให้ประกาศขึ้นทะเบียนนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาเป็น “มรดกโลก” เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2534 มีพื้นที่ครอบคลุมในบริเวณโบราณสถานเมืองอยุธยา

มาอย่างไร

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สามารถเข้าถึงได้จากกรุงเทพฯ โดยรถยนต์ รถประจำทาง รถไฟ หรือจะเดินทางทางน้ำก็ได้ จากกรุงเทพฯมาอยุธยา นั่รถบัสมาลงที่สถานีรถบัสอยุธยา ถนนนเรศวร จะมีรถบัสบริการใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับคนที่ชอบเดินทางโดยรถไฟ ก็ไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ ซึ่งมีบริการรถไฟมาอยุธยา จาก 04:20 -22.00 น. เดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง คุณสามารถเดินทางโดยเรือได้เหมือนกัน

สถานที่ท่องเที่ยว

รอบๆของอยุธยา มีแม่น้ำป่าสัก แม่น้ำลพบุรี และแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเสน่ห์มากๆ สถานที่ท่องเที่ยวหลักของจังหวัดอยุธยาคือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา

พระราชวังจันทรเกษม

พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชในยามที่มาเข้าเฝ้าพระราชบิดาที่กรุงศรีอยุธยา สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และที่ทำการมณฑลเทศาภิบาล จนกระทั่งในสมัยรัชการที่ 7 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมอีกครั้ง

พระราชวังบางปะอิน

พระเจ้าปราสาททองเป็นผู้สร้างพระราชวังแห่งนี้ เนื่องจากบริเวณเกาะบางปะอินเป็นที่ประสูติของพระองค์และ และเป็นเคหสถานเดิมของพระมารดา ภายในพระราชวังบางประอินมีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระที่นั่งไอศวรรยทิพยอาสน์ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร หอวิฑูรทัศนา พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ พระที่นั่วโรภาษพิมาน หอเหมมณเฑียรเทวราช อนุสาวรีย์พระอัครชายาพระองค์เจ้าเสาวภานารีรัตน์และเจ้าฟ้าสามพระองค์หรือ อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์(อนุสาวรีย์พระนางเรือล่ม)สภาคารราชประยูร แก่งบุปผาประพาส วัดนิเวศธรรมประวัติ

วัดพระศรีสรรเพชญ์

วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดหลวงในพระราชวังโบราณ อยุธยา ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ซึ่งเป็นต้นแบบของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตโลกนาถ ทรงสร้างพระราชมนเฑียรขึ้นใหม่ทางตอนเหนือ แล้วจึงโปรดฯให้ยกเป็นเขตพุทธาวาส เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของบ้านเมือง จึงเป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระจำพรรษา แตกต่างจากวัดมหาธาตุที่จังหวัดสุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างวัดเดียวกันนั้นคือ “สร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง”

 

วัดไชยวัฒนาราม

อยู่ริมแม่น้ำฝั่งเดียวกับวัดพุทไธสวรรค์คือริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเกาะเมืองพระเจ้าปราสาททอง โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นในปี พ.ศ.2173 เพื่ออุทิศถวายให้เป็นอนุสรณ์ ณ บ้านเดิมของพระราชมารดา และเพื่อเฉลิมพระเกียรติในการเสด็จขึ้นครองราช ด้วยทรงมีพระราชนิยมศิลปะแบบขอม วัดนี้จึงมีสถาปัตยกรรมรูปปรางค์ ประกอบด้วย พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นองค์ประธานสูงเด่นอยู่ท่ามกลาง ปรางค์ทิศและปรางค์รายทั้ง 8 ทิศ สันนิษฐานว่าแต่เดิมในคูหาปรางค์ประธาน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุ หรือสิ่งอันควรบูชาอื่นๆ พระอุโบสถวัด อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระปรางค์ มีซากประธานเป็น พระพุทธรูปปรางคืมารวิชัย สร้างด้วยหินทราย และที่ฐานประทักษิณ ด้านทิศเหนือมีฐานรากของเจดีย์ 3 องค์ ตั้งเรียงกัน สันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร(เจ้าฟ้ากุ้ง รัตนกวีแห่งกรุงศรีอยุธยา)เจ้าสังวาลย์ เจ้าฟ้านิ่มพระสนมเอก ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ปัจจุบันเป็นวัดร้าง แต่ยังมีพระปรางค์ใหญ่และเจดีย์รายตามมุมคงเหลืออยู่ และรูปทรงยังสมบูรณ์ดีเป็นส่วนมาก

วัดมงคลบพิตร

เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปสำริด องค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น เมื่อปี พ.ศ.2499 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้บูรณะวิหารพระมงคลบพิตรใหม่ทั้งหมดดังที่ปรากฏในปัจจุบัน

นอกจากนี้อุทยานประวัติศาสตร์ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานที่สำคัญแห่งอื่นอีก เช่น วัดราชบูรณะ วัดพนัญเชิง วัดเจ้าพญาไท หรือวัดใหญ่ไชยมงคล วัดพระราม วัดญาณแสน วัดธรรมิกราช วัดวรโพธิ์ วัดวรเชษฐาราม วัดหน้าพระเมรุ เป็นต้น

Laisser un commentaire

Ce site utilise Akismet pour réduire les indésirables. En savoir plus sur comment les données de vos commentaires sont utilisées.