นครวัด

 นครวัด

ความยิ่งใหญ่อลังการของปราสาท นครวัด นั้น ไม่ได้มาจากเพียงแค่ขนาดอันใหญ่โตมโหฬาร ของตัวปราสาทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ และตำนานที่ซ่อนตัวภายในด้วย
การเที่ยวนครวัด ควรที่จะมีข้อมูลกันก่อน ว่าภาพแกะสลักแต่ละภาพมีความเป็นมาอย่างไร
มีตำนานไหนที่เกี่ยวข้องบ้าง อย่างเช่น ภาพสลักราหูอมจันทร์ ซึ่งไปเกี่ยวเนื่องกับ ตำนานการกวนเกษียรสมุทร ที่จะทำให้รู้ว่า ทำไมราหูซึ่งร่างกายขาดเป็นสองท่อนแล้วถึงยังไม่ตาย ทำไมถึงได้เคียดแค้น พระอาทิตย์ กับพระจันทร์ จนถึงกับต้องจับกินทุกครั้งที่พบกัน
การเที่ยวปราสาทต่าง ๆ ในนครวัดนั้น จะสนุกสนาน ทำให้เรารู้สึกว่านครวัดนั้นมีคุณค่า จากเรื่องราวที่อยู่ภายในเหล่านี้ มากกว่าเป็นแค่กองหินขนาดใหญ่ ซึ่งนำมาซ้อนกัน อย่างที่เทคโนโลยี ปัจจุบันสามารถสร้างให้แล้วเสร็จ ในเวลาแค่ไม่กี่ปี

 

 

ปราสาทนครวัดมีขนาดใหญ่มากถึง200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ยาว 100 เมตร และกว้าง 80 เมตร มีแผนผังที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นสุดยอดของปราสาทขอม มีปราสาท 5 หลัง มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบ มหาสมุทรบนสวรรค์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ใช้หินรวม 600,000 ลูกบาศก์เมตร ใช้แรงงานช้างกว่า 40,000 เชือก และแรงงานคนนับแสนขนหินและชักลากหินมาจากเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 50 กิโลเมตร มาสร้าง ปราสาทนครวัด มีเสา 1,800 ต้น หนักต้นละ 10 ตัน ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน และใช้เวลาถึง 40 ปี หอสูง 60 กว่าเมตรศูนย์กลางของกลุ่มปราสาท อันเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจักรวาลนั้น มีทางเดินขึ้นที่ชันมาก ราว 50 องศา แต่ก็กลับเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยจะต้องปีนป่ายไปให้ถึงจุดสูงสุดเพื่อชมวิวที่สวยที่สุดของปราสาท

 

ประวัติ:

นครวัด สร้างขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในรัชสมัย พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ซึ่งครองราชย์อยู่ในช่วง พ.ศ. 1650-1693 ซึ่งขณะนั้นศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย (นับถือ พระวิษณุเป็นใหญ่) กำลัง รุ่งเรืองอยู่ในอาณาจักรขอมพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 จึง โปรดให้สร้างนครวัด เพื่อบูชาพระวิษณุ และนอกจากนั้นแล้ว ก็เพื่อให้เป็นที่ เก็บพระศพของพระองค์ เมื่อยามสิ้นพระชนม์แล้วด้วย ดังนั้น นครวัด จึงแตกต่าง กับปราสาทอื่นๆ ตรงที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศของผู้ตาย แทนทิศตะวันออก
ตามธรรมเนียมของเขมร จะมีการตั้งพระนามใหม่ ถวายกับกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์แล้ว พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 นั้นมีพระนามหลังสิ้นพระชนม์ว่า “บรมวิษณุ” นครวัด จึงมีอีกชื่อว่า “บรมวิษณุมหาปราสาท
ในการสร้างปราสาทนครวัด ต้องใช้หินปริมาตรหลายล้าน ลูกบาศก์เมตร ที่นำมา จากเทือกเขาพนมกุเลน ซึ่งอยู่ห่าง จากนครวัดกว่า50 กม.โดยใช้ช้างนับพันเชือก ในการขนย้าย ใช้แรงงานนับแสนคนในการก่อสร้างตบแต่ง ใช้เวลา สร้างกว่า 30 ปี จนสิ้นรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ก็ยังไม่แล้วเสร็จ
แม้จะมีการสร้างต่อในสมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และสมัย นักองค์จันทร์ ถึงกระนั้น ก็ยังไม่เสร็จ สมบูรณ์ดี
นคร วัดนั้น ไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถานเท่านั้น แต่ยังเป็นราชธานีของอาณาจักรขอมด้วย ภายในนครวัด จึงมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มีความยาวถึง 1.5 กม. และกว้าง 1.3 กิโลเมตร รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 1,219 ไร่ (2 ตารางกิโลเมตร)
นครวัดถูกล้อมรอบด้วยบึงน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานเชื่อมสู่ภายนอก เฉพาะประตูทิศตะวันตก และประตูทิศตะวันออกเท่านั้น ขณะที่ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ยัง ทรงพระชนม์ ชาวเขมร ยังคงนับถือศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย ศาสนาประจำชาติของอาณาจักรขอมนั้น สลับสับเปลี่ยนไปมา ระหว่าง ศาสนาพราหมณ์ นิกายไวษณพนิกาย ศาสนาพราหมณ์ นิกายไศวนิกาย และศาสนาพุทธ ขึ้นอยู่กับว่า กษัตริย์ผู้ครองราชย์ขณะนั้น จะทรงนับถือศาสนาใด
เมื่อ นักองค์จันทร์ ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงนับถือศาสนาพุทธ เทวาลัยแห่งนี้จึงกลายเป็นวัด ในศาสนาพุทธ
คำว่า “นอกอร์” นั้น หมายถึง นค
นอกอร์วัด” ที่ชาวเขมรเรียก จึงหมายความว่า “นครวัด ”
นั่นเอง
เมื่อชาวฝรั่งเศสเข้ามาพบนครวัด ได้เรียกชื่อของนครวัดเพี้ยนไปจาก “นอกอร์วัด” เป็น “อังกอร์วัด” และใช้มาว่า อังกอร์วัด มาจนทุกวันนี้

 

 

สะพานนาคราช

สะพานนาคราช เป็นสะพานที่ประกอบด้วยรูปสลักลอยพญานาคขนาดใหญ่ ขนานไปกับตัวสะพาน สะพานนี้ทอดข้ามสระน้ำขนาดใหญ่หน้าปราสาทนครวัด มุ่งตรงเข้าสู่โคปุระตะวันตก

โคปุระ 
โคปุระหมายถึง พลับพลาทางเข้าของนครวัด ซึ่งนครวัดนั้น มีโคปุระซึ่งเป็นทางเข้าอยู่ 2 ทิศคือ โคปุระตะวันตก และโคปุระตะวันออก

โคปุระตะวันตก

โคปุระตะวันตก ซึ่งเป็นโคปุระที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของ นครวัด ด้านหน้าของโคปุระตะวันตก จะมีบาราย(บาราย = สระน้ำ) อยู่ด้วย
โคปุีระตะวันตก มีอยู่ทางเข้าอยู่ 5 ประตู ประตูกลางนั้นไว้สำหรับกษัตริย์เท่านั้น
จุดที่พลาดไม่ได้คือ โคปุระทางฝั่งขวามือ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อยู่ ซึ่งชาวพุทธต่างนับถือและเข้ามานมัสการเป็นนิตย์
นอกจากนี้แล้วบริเวณ โคปุระตะวันตก ยังมีรูป อัปสรายิ้มเห็นฟัน ซึ่งมีเพียงรูปเดียวในหมู่อัปสรากว่า 2,000 รูปในปราสาทนครวัด

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมเดินทางเข้านครวัดทาง โคปุระตะวันตกมากกว่า

โคปุระตะวันออก

โคปุระตะวันออก มาก มีขนาดย่อมกว่า โคปุระตะวันตก และลักษณะ จะทรุดโทรมมากกว่า โคปุระตะวันตก อยู่มาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงไม่นิยมเข้า-ออก ทางโคปุระตะวันออก ซึ่งกลับกลายเป็นอีกสเน่ห์ของโคปุระตะวันออก ที่นักท่องเที่ยว สามารถเลือกมุมถ่ายรูปได้มากกว่า

รูปเงาสะท้อนน้ำของมหาปราสาทนครวัด

หากใครมาเที่ยวชมนครวัด และยังไม่ได้ถ่ายรูปเงาสะท้อนของมหาปราสาทนครวัด บนสระน้ำขนาดใหญ่หน้าปราสาท ก็ถือได้ว่ายังมาไม่ถึงนครวัด ผิวน้ำที่เรียบราวกระจก
จะสะท้อนให้เห็นปรางค์ทั้งห้าของปราสาทนครวัดอย่างชัดเจน

ภายในปราสาท

จุดท่องเที่ยวที่สำคัญภายในปราสาทนครวัด ได้แก่

 

1. ภาพสลักที่ระเบียงคตชั้นใน

ภาพสลักที่ระเบียงคตชั้นใน ของนครวัดมีความยาวกว่า 600 เมตร
ซึ่งมีภาพสลักสำคัญ ๆ ได้แก่
– ภาพสลักการกวนเกษียรสมุทร
– 
ภาพสลักการรบที่ทุ่งกุรุเกษตร ซึ่งเป็นการรบระหว่าง ตระกูลเการพ และปาณฑพ จาก มหากาพย์มหาภารตะยุทธ
– ภาพสลักการต่อสู้ระหว่างเทพกับยักษ์ จาก รามายณะ
– ภาพสลักขบวนทัพของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เมื่อยกทัพไปปราบพวกจาม ซึ่งในนั้นก็จะมีขบวนทัพของ สยามกุก หรือ ประเทศสยาม เข้าร่วมด้วยในฐานะประเทศราช
นอกจากนี้ที่ระเบียงคตชั้นในยังมีภาพสลักในศาสนาฮินดูอีกมากมาย

 

ปรางค์ปราสาท 
ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู จะสมมติให้ปราสาทเปรียบดังสวรรค์
ปรางค์ประธาน จะเปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ เขาที่สูงที่สุดในสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพสูงสุดคือ พระศิวะ
ส่วนพระปรางค์ ทั้งสี่ที่รายล้อมปรางค์ประธานนั้น ก็เปรียบได้กับของขุนเขา ใหญ่น้อยอันเป็นที่สถิตของเทพต่าง ๆ ตามลำดับชั้น

ภายในปรางค์ปราสาทมีภาพสลักนางอัปสรามากมาย และยังมี พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประดิษฐานภายในปรางค์ประธานด้วย

บันไดขึ้นสู่ปรางค์ประธานจะชันมาก การขึ้น-ลง โปรดใช้ความระมัดระวัง แนะนำให้ ขึ้น-ลง ด้านหน้า ซึ่งมีราวจับครับ

ภาพแกะสลักอัปสรา (นางอัปสร)
อัปสรา หรือ อัปสร ในภาษาไทยนั้นถือกำเนิดจากการกวนเกษียรสมุทร นางอัปสราในศิลปะขอมแบบนครวัด จะมีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร กว่าศิลปะขอมแบบอื่น
และด้วยอารมณ์ขันของช่างขอม ในขณะที่ำทำการแกะสลัก จึงได้แกะอัปสรานางหนึ่ง ให้มีลิ้นสองแฉก ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียว ในจำนวนอัปสรากว่า 2,000 รูปภายในนครวัด และกลายเป็นอีกไฮไลท์สำคัญในนครวัด

 

สถาปัตยกรรม:

 

ทางด้านกำแพงชั้นนอกรูปกรอบปราสาทนั้นมีความยาวกว่า 800 เมตร มีงานแกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องรามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดก็คือ รูปที่เทวดากับอสูรกวนเกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกถึง 1,635 นาง ที่ทั้งหมดแต่งกายและทรงผมไม่ซ้ำกันเลย มีภาพจำหลักหินด้ายนหนึ่งเป็นภาพกองทัพสยาม ที่ส่งไปช่วยรบกับพวกจามมีอักษรจารึกไว้ว่า “สยำ กุก” ปัจจุบันถูกเอาออกไปแล้วน่าจะหมายถึงกองทัพสยามจากแม่น้ำกก คือกำลังที่มาจากเมืองเชียงรายเมืองเชียงแสน หรือจาก สุพรรณบุรี และคำว่า”โลว” สันนิษฐานว่าเป็นกองทัพมาจากเมืองละโว้

 

Flickr: http://www.flickr.com/photos/50651722@N03/collections/72157626705901921/

Laisser un commentaire

Ce site utilise Akismet pour réduire les indésirables. En savoir plus sur comment les données de vos commentaires sont utilisées.